การเป็นคุณแม่ถือเป็นภาระหน้าที่สุดยิ่งใหญ่และไม่สามารถเลิกหรือหยุดความรับผิดชอบต่อลูกตนเองได้ แม้ตลอดการเลี้ยงดูจะต้องเจอกับอุปสรรคและปัญหาเล็กน้อยหรือใหญ่เพียงใดก็ตาม เพราะสำหรับคนเป็นแม่แล้วลูกก็คือแก้วตาดวงใจ เป็นเหมือนลมหายใจของแม่เอง แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะการเลี้ยงลูกหรือการเป็นแม่คนนั้นย่อมมีความเหน็ดเหนื่อยกับหลายสิ่งอย่างที่ต้องแบกรับไว้มากมายอย่างที่คนยังไม่เคยมีลูกไม่เข้าใจแน่นอน แต่เชื่อว่าคุณแม่มือใหม่น่าจะรู้ดีว่าการเริ่มต้นเป็นแม่คนนั้นมันมักจะมีความเครียดควบคู่มาด้วยเสมอ                  ความเครียดเป็นปัญหาที่ทำลายสุขภาพกายและใจได้อย่างที่หลายคนคาดไม่ถึงทีเดียว นอกจากจะทำให้รู้สึกไม่มีความสุขแล้วยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงอื่น ๆ ตามได้อีกเช่นกัน ฉะนั้นคุณแม่ท่านใดที่รู้ตัวว่าตนเองกำลังเป็นหนึ่งในผู้ที่มีภาวะความเครียดแล้วล่ะก็ รีบทำให้ตัวเองหายจากภาวะดังกล่าวให้เร็วเลย แต่ถ้าไม่รู้จะแก้ไข รับมือ เพื่อลดความเครียดลงได้อย่างไร วันนี้เรามี 3 วิธีช่วยผ่อนคลายความเครียดมาแนะนำให้คุณแม่ลองทำดู  กลิ่นหอม ความสดชื่นที่ผ่อนคลาย ความเป็นคุณแม่โดยเฉพาะกับมือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์การเลี้ยงลูก มักเกิดความกังวล หวั่นวิตก ทำให้อารมณ์ติดลบอยู่บ่อย ๆ หลายครั้งการหายใจเข้าออกก็สั้น ๆ และรวดเร็วเพราะมัวแต่โฟกัสให้ความสำคัญกับภารกิจแต่ละอย่างที่ต้องทำให้กับลูกนั่นเอง นอกจากการมั่นหายใจเข้าออกช้า ๆ สูดลมหายใจเข้าและปล่อยออกมายาว ๆ ให้สมองได้มีออกซิเจนเข้าไปเต็มที่เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น แล้วก็ควรฉีดน้ำหอมกลิ่นอ่อน ๆ ที่ตนเองชอบแต่ห่างหายไปนานซะบ้าง เพราะกลิ่นหอม ๆ จะช่วยผ่อนคลายอารมณ์ของคุณแม่ให้ดีขึ้น สบายใจขึ้นได้ง่าย  ฟังเพลงที่ชอบ กับเสียงดนตรีที่ใช่ สำหรับคนเป็นแม่แล้วเมื่อความวุ่นวายในแต่ละวันเข้าครอบงำ ทุกอย่างในตารางก็เป็นเรื่องลูกเกือบทั้งหมด เรื่องการหยุดดูทีวี ดูละครโปรด หรือเสพข่าวก็ดูจะเป็นไปได้ยากจริง ๆ อันนี้คุณแม่หลายท่านน่าจะรู้กันดี แต่ความจริงแล้วการเสพสื่อบันเทิงบ้างก็ลดความเครียดจากการเลี้ยงลูกได้เยอะพอสมควร แต่สำหรับคุณแม่ที่ไม่มีเวลาขนาดนั้น ลองเลือกที่จะฟังเพลงแทนก็ไม่เลว เพราะเสียงเพลงเสียงดนตรีเป็นเหมือนยาวิเศษที่ไม่ว่าใคร เพศไหน วัยใด เมื่อได้ยินได้ฟังแล้วต่างก็รู้สึกผ่อนคลายอารมณ์ลง เพลงและเสียงดนตรีนั้นจะช่วยกระตุ้นให้คุณแม่รู้สึกมีความสุขมากขึ้น ดังนั้นลองตั้งเพลย์ลิสเลือกเพลงที่ชอบ เสียงดนตรีในแนวที่ใช่ไว้ในมือถือและเปิดฟังบ่อย ๆ ระหว่างเลี้ยงลูกก็ดีเหมือนกัน  เที่ยวบ้างก็ไม่ได้ผิดอะไร อย่างที่บอกว่าคนเป็นแม่โดยเฉพาะกับลูกที่ยังเล็กยังเป็นเด็กอยู่นั้น เวลา 90% ที่นอกเหนือจากหน้าที่การงานก็ล้วนมาตกอยู่ที่ลูกเป็นอันดับแรก หมดวันหมดคืนไปกับกิจกรรมและกิจวัตรประจำวันของลูกอย่างเดียว จนลืมไปว่าชีวิตประจำวันและกิจกรรมสำหรับตัวคุณแม่เองก็สำคัญไม่ต่างกัน คุณแม่เองควรหาเวลาวางแผนให้ตนเองได้เที่ยว ได้พักผ่อนบ้างในจังหวะช่วงวัยของลูกสัก 4 – 5 ขวบขึ้นไปแล้ว โตพอที่จะสามารถฝากปู่ย่าตายายไว้ได้สักวันสองวัน แล้วออกไปเที่ยวพักผ่อนกินลมชมวิว ทานขนมที่ชอบ ทานอาหารที่อร่อยกับสามีบ้างในครั้งคราว ก็จะผ่อนคลายอารมณ์ความกังวล ความเหน็ดเหนื่อยได้ทั้งผู้เป็นพ่อและแม่ ถือเป็นการชาร์จแบตให้ตนเองอย่างเต็มเปี่ยมก่อนกลับมาทุ่มสุดตัวกับภารกิจคุณแม่อีกครั้ง  ปัจจุบันคนเป็นแม่มือใหม่มีแนวโน้มจะป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามากขึ้นเนื่องมาจากภาวะความเครียดสะสม ความกังวลหลายอย่างในการเลี้ยงลูก ทั้ง 3 วิธีข้างต้นถือเป็นอีกทางเลือกที่อยากให้คุณแม่ลองทำกันดูเพื่อเรียกคืนความสุขของสุขภาพกายและใจให้ดีแข็งแรงและแข็งแกร่งขึ้นเพื่อพร้อมดูแลลูกให้มีความสุขกับเราไปด้วยต่อไป ...